วันนี้จะมาเล่าถึงการสอบอย่างหนึ่งในวงการ Travel Medicine ซึ่งหลายคนคงสนใจ เนื่องจากทุกคนสามารถเข้าสอบได้โดยที่ไม่ต้องเรียนอะไรมาก่อน และไม่ต้องมีวุฒิการศึกษาใดๆ ขอแค่เป็นแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ เช่น พยาบาล เภสัชกร และมีความรู้ด้าน Travel Medicine บ้าง ก็สามารถเข้าสอบได้เลย และถ้าสอบผ่านก็จะได้รับประกาศนียบัตร ที่มีชื่อว่า Certificate in Travel Health (CTH) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการด้าน Travel Medicine ระดับหนึ่งเนื่องจากออกและรับรองโดย International Society of Travel Medicine ดูแล้วน่าสนใจไหมครับ เราลองมาดูรายละเอียดกันดีกว่า การสอบนี้คืิิออะไร ข้อสอบยากไหม และพวกเราน่าจะสอบไหม และสอบผ่านแล้วจะได้อะไร เรามาดูกันทีละประเด็นครับ 

ความเป็นมาของการสอบเป็นอย่างไร

การสอบนี้มีการจัดสอบครั้งแรกในปี 2003 โดย International Society of Travel Medicine (ISTM) ได้จัดการสอบ CTH ครั้งแรกขึ้นที่เมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีจุดประสงค์การสอบ เพื่อเป็นการวัดความรู้พื้นฐานที่จำเป็นต่อเวชปฏิบัติด้านเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว โดยเน้นไปที่การให้คำปรึกษาก่อนการเดินทาง และการให้คำแนะนำในการป้องกันและรักษาโรคที่พบบ่อยในนักท่องเที่ยว 

ผู้ที่สอบผ่าน จะได้รับ Certificate in Travel Health ซึ่งทาง ISTM และวงการเวชศาสตร์การเดินทางท่องเที่ยวในระดับนานาชาติให้การยอมรับผู้นั้นมีความรู้ในระดับที่ได้มาตรฐานพอเพียงในการให้คำปรึกษาและดูแลนักท่องเที่ยวได้ และมีสิทธิใช้ตัวย่อ CTH® หลังชื่อของผู้นั้นได้

หลังจากปีพศ. 2003 ทาง ISTM มีการจัดการสอบเป็นประจำทุกๆ 2 ปี โดยจัดในวันก่อนประชุมใหญ่ของวงการ Travel Medicine ที่เรียกว่า CISTM (Conference of the International Society of Travel Medicine) แต่ในปีหลังๆเนื่องจากมีผู้สนใจด้านนี้มากขึ้น จึงมีการจัดสอบเพื่อ CTH ในการประชุมวิชาการระดับภูมิภาคด้วย เช่น จัดสอบร่วมกับการประชุม Asia Pacific Travel Health Conference (APTHC) 

นับถึงปัจจุบันมีการจัดสอบ CTH ไปแล้วทั้งสิ้น 13 ครั้ง ดังนี้

  • 2003 เป็นการสอบ CTH เป็นครั้งแรก ที่ New York, NY, USA,
  • 2005 Lisbon, Portugal
  • 2007 Vancouver, Canada
  • 2008 Melbourne, Australia
  • 2009 Budapest, Hungary
  • 2010 Miami, FL, USA
  • 2011 Boston, MA, USA  (Renew 10 yrs required)
  • 2012 Singapore
  • 2013 Maastricht, the Netherlands
  • 2014 Vietnam and USA
  • 2015 Quebec City, Canada
  • 2016 Kathmandu, Nepal
  • 2017 Barcelona, Spain

การสอบ CTH ครั้งถัดไป จะมีขึ้นเมื่อไร และสมัครได้ที่ไหน 

            จะมีการจัดในวันที่ 21 มีนาคม 2018 ในงานประชุม Asia Pacific Travel Health Conference (APTHC) ทีกรุงเทพมหานคร  แต่ขณะนี้มีผู้สมัครเข้าสอบเกินจำนวนที่รับได้ ทาง ISTM จึงปิดรับสมัครแล้ว ส่วนการสอบครั้งต่อไปถัดจากกรุงเทพฯ จะเป็นที่เมือง Atlanta, Georgia ประเทศสหรัฐอเมริกา ประมาณเดือนกันยายน 2018 ติดตามรายละเอียดได้ที่ http://www.istm.org

 

การประชาสัมพันธ์การสอบ CTH ของ International Soceity of Travel Medicine

 

สอบผ่านแล้วจะได้อะไร

คนที่สอบผ่านจะได้รับ Certificate of Knowledge in Travel Health ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการ Travel Medicine ระดับนานาชาติว่าผู้นั้นมีความรู้ในระดับมาตรฐานที่จำเป็นในการทำเวชปฏิบัติในด้าน Travel Medicine จากข้อมูลในปี 2016 มีผู้สอบผ่าน CTH แล้วทั่วโลก 1193 คน ดูรายชื่อสมาชิก ISTM ที่สอบผ่านและได้รับ CTH ได้ที่นี่ 

อย่างไรก็ตาม Certificate นี้ไม่ได้ทดแทนวุฒิการศึกษาอย่างเป็นทางการ และอาจไม่สามารถนำไปใช้เพื่อเลื่อนตำแหน่งหรือเพื่ิอเพิ่มความก้าวหน้าทางวิชาการ และไม่สามารถนำไปใช้หลังชื่อเพื่อแสดงว่าเป็นวุฒิการศึกษาได้

และตั้งแต่ปี 2011 ทาง International Society of Travel Medicine ประกาศว่า Certificate of knowledge in Travel Health มีอายุ 10 ปี ซึ่งผู้ที่สอบผ่านจำเป็นต้องเก็บเครดิต แสดงการเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ด้านเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว จนมีเครดิตมากกว่าที่ ISTM กำหนด จะทำให้ต่ออายุประกาศนียบัตรได้โดยไม่ต้องสอบใหม่ โดยเครดิตหรือประสบการณ์ที่สามารถนับเพื่อใช้การต่ออายุประกาศนียบัตรมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมประชุมวิชาการนานาชาติ การตีพิมพ์ผลงานวิจัย การสอน ฯลฯ สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ website ของ ISTM (www.istm.org)

 

ใครสามารถสมัครสอบได้ เนื้อหา และวิธีการสอบ CTH Exam เป็นอย่างไร

จริงๆแล้วใครก็สามารถสมัครสอบได้ครับ ขอให้เป็นบุคลากรทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ทั่วไป แพทย์เฉพาะทาง พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล เภสัชกร ฯลฯ โดยทาง ISTM เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาสมัครได้ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการฝึกอบรมใดๆอย่างเป็นทางการมาก่อน เมื่อคิดว่าพร้อม ทุกคนสามารถสมัครสอบได้

โดยการสอบจะเป็นการสอบข้อเขียน MCQ (Multiple Choice Questions) เพียงอย่างเดียว จำนวนข้อสอบแบบ one best 4 ตัวเลือก มีทั้งสิ้น 200 ข้อ ใช้เวลาทำข้อสอบ 4 ชั่วโมง 45 นาที โดยทาง ISTM จะมีการจัดสอบก่อนการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ และภูมิภาค 

เนื้อหาของการสอบ Certificate in Travel Health จะครอบคลุมเนื้อหา 6 ด้านที่สำคัญดังในตารางด้านล่าง เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องเวชปฏิบัติก่อนเดินทาง ส่วนเรื่องการดูแลหลังการเดินทางจะเน้นเฉพาะการคัดกรองนักท่องเที่ยวที่ป่วยเป็นหลัก (Post-travel triage) โดยไม่ลงลึกด้านการวินิจฉัยและรักษาโรค รายละเอียดของเนื้อหาทั้งหมด (body of knowledge in Travel Medicine) ดูได้จาก website ISTM ที่นี่

 

เนื้อหาหลักๆและสัดส่วนของข้อสอบในการสอบ Certificate in Travel Health

Epidemiology of travel-related problem (10%)
Immunology/Vaccinology (20%)
Pre-travel assessment/consultation (35%)
Diseases contracted during travel (12%)
Other conditions associated with travel (10%)
Post-travel assessment (8%)
General travel health issues/Travel clinic (5%)

 

บรรยากาศการสอบ CTH ในการประชุม CISTM 2013, Maastrich, the Netherlands

 

สอบยากไหม และค่าสอบแพงไหม

หลายคนอาจคิดว่า สอบแค่ MCQ 200 ข้อ ไม่มีการสอบปฏิบัติ หรือ essay ใดๆทั้งสิ้น สอบแบบนี้ไม่น่าจะยาก แต่จริงๆแล้วเกณฑ์ผ่านของการสอบแบบนี้สูงพอสมควรครับ แต่เกณฑ์ในการตัดสินว่าสอบผ่านหรือไม่ ไม่ได้มีการกำหนดล่วงหน้า แต่จากข้อมูลของปีที่ผ่านๆมา พบว่าเกณฑ์ผ่านจะอยู่ที่ประมาณ 75-80% ซึ่งนับว่าสูงมาก ดังนั้นควรเตรียมตัวอย่างดี

ค่าสมัครสอบ CTH มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอในการสอบแต่ละครั้ง ข้อมูลด้านล่างเป็นของการสอบ CTH ในปี 2018 ที่กรุงเทพฯ

Fees paid on or before 30 November 2017
ISTM Members:
Doctoral Level USD 475.00
Non Doctoral Level USD 350.00
Non-Members: USD 675.00

Fees paid beginning 1 December 2017
ISTM Members:
Doctoral Level USD 575.00
Non Doctoral Level USD 450.00
Non-Members: USD 775.00

 

ควรจะเตรียมตัวอย่างไรก่อนไปสอบ

เนื่องจากการสอบ CTH มีค่าใช้จ่ายที่สูง และเกณฑ์ผ่านสูง คือต้องตอบถูกได้คะแนนประมาณ 75-80% ขึ้นไปถึงจะสอบผ่าน และถ้าสอบไม่ผ่านแล้ว ก็คือไม่ผ่านเลย ค่อยไปรอสอบกันครั้งหน้า ไม่มีการสอบแก้ตัว ดังนั้นควรจะเตรียมตัวอย่างดีก่อนสอบครับ แนะนำอย่างนี้ครับว่า 

    1. ควรจะเข้าใจหลักของเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยวมาบ้าง ว่ามีขอบเขตแค่ไหน และมีหลักการอะไร และหมอด้านนี้เขา practice กันแบบไหน ถ้าจะให้ดีควรมีประสบการณ์การทำงานด้าน Travel Medicine มาบ้าง นั่นคือต้องเคยให้คำปรึกษาก่อนและหลังการเดินทาง (Pre, Post travel counselling) มาบ้าง ตรงนี้สำคัญนะครับ เพราะคนที่ไม่เข้าใจอาจคิดว่า แค่เคยตรวจคนไข้ที่เป็นฝรั่งหรือคนต่างชาติมาบ้างก็น่าจะถือว่าทำงานด้านนี้มาแล้ว ก็น่าจะสอบได้เลย จริงๆมันไม่ง่ายอย่างนั้นครับ ถ้าใครไม่เคยอ่านบทความนี้ “แพทย์ด้าน Travel Medicine ทำงานอะไร และต่างจากแพทย์ทั่วไปที่ดูแลนักท่องเที่ยวตรงไหน” แนะนำให้ลองอ่านดูก่อนครับ 
    2. ลองทำแบบทดสอบ/ข้อสอบตัวอย่างก่อนครับ ว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน ลองทำข้อสอบได้ที่

    3. ศึกษาหาความรู้ด้าน Travel Medicine จากแหล่งต่างๆ โดยอาจจะเลือกการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการหรืออบรมระยะสั้น หรือศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง  แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ควรจะได้ฝึกทำเวชปฏิบัติด้าน Travel Medicine นั่นคือฝึกให้คำปรึกษานักท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ เพราะข้อสอบส่วนใหญ่จะเน้น เป็นคำถามที่แพทย์ต้องเจอในการทำงานในคลินิกนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว 
    4. ดูแผนที่โลก และศึกษารายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชอบไปว่ามีที่ไหนบ้าง และตรงนั้นมีความเสี่ยงอะไรบ้าง ประเด็นนี้ก็สำคัญครับ เพราะเวลาข้อสอบออก จะออกสถานการณ์จริง เช่น ถ้ามีนักท่องเที่ยวจะเดินทางไปเที่ยวที่ Cancun ต้องระวังโรคอะไรบ้าง ถ้าเราไม่รู้ว่า Cancun อยู๋ที่ไหนก็ลำบากครับ และในการสอบจริงเราไม่สามารถเอาหนังสือ หรือเอาแผนที่ใดเข้าไปได้ ดังนั้นต้องศึกษาสถานที่ท่องเที่ยวให้ดีครับ โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่ชาวตะวันตกชอบไป ไม่ว่าจะเป็นประเทศในแถบแคริบเบียน เช่น จาร์ไมกา ปอร์โตริโก บาฮามาส หรือในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หรือแอฟริกา ฯลฯ แม้ว่าพื้นที่แถบนี้พวกเราจะไม่ค่อยคุ้นเท่าไร แต่เป็นสถานที่ที่คนยุโรป อเมริกานิยมไปเที่ยวกัน 
    5. การเตรียมตัวเพื่อสอบ CTH ควรมีการเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือน – 1 ปี เนื่องจากเนื้อหาในการสอบค่อนข้างกว้าง และเกณฑ์ผ่านสูง

 

อ่านหนังสืออะไรดีก่อนไปสอบ

แหล่งความรู้ หนังสือและตำราที่แนะนำให้อ่านเพื่อเตรียมตัวสอบ

  1. CDC Yellow book 2018. Health Information for International Travel 2018. สามารถอ่าน Online ได้ที่ URL:https://wwwnc.cdc.gov/travel/page/yellowbook-home
  2. Travel Medicine 3rd edition ของ Keystone JS, Freedman DO, Kozarsky PE, Connor BA, Nothdurft HD, editors.
  3. หนังสือเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว คณะเวชศาสตร์เขตร้อน
  4. CDC website: cdc.gov/travel
  5. WHO International Health website: who.int/ith
  6. Thai Travel Clinic Website 

 

ข้อแนะนำและข้อควรรู้อื่นๆ

  • การสอบ Certificate of knowledge in Travel Health เป็นการสอบภาคสมัครใจ กล่าวคือไม่ได้เป็นการบังคับว่า บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่ให้การดูแลนักท่องเที่ยวต้องผ่านการสอบดังกล่าว และไม่มีองค์การใดทั้งในประเทศและต่างประเทศออกกฎหรือนโยบายดังกล่าว 
  • บุคลาการทางการแพทย์ที่ให้การดูแลนักท่องเที่ยว และสนใจในศาสตร์ด้านเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยวสามารถพิจารณาเข้าสอบดังกล่าวได้ ซึ่งมีข้อดีทำให้สามารถวัดระดับความรู้ตนเองได้ ว่าถึงระดับมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับกันในระดับนานาชาติหรือไม่ และยังช่วยกระตุ้นให้มีการศึกษาเพิ่มเติมในศาสตร์ดังกล่าว
  • เนื่องจากการสอบ Certificate in Travel health มีค่าใช้จ่ายที่สูง และมีเกณฑ์ผ่านที่สูง ดังนั้นผู้สมัครสอบควรจะเตรียมตัวอย่างดีก่อนเข้าสอบ และน่าจะเคยทำเวชปฏิบัติในการดูแลนักท่องเที่ยวมาก่อนในระดับหนึ่ง เนื่องจากข้อสอบส่วนใหญ่จะเป็นการแก้ปัญหาเวชปฏิบัติในคลินิกนักท่องเที่ยว การอ่านหนังสืออย่างเดียวไปสอบ โดยที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในเวชปฏิบัติด้านนี้มาก่อนเลย อาจทำให้สอบผ่านได้ยาก
  • การได้รับ Certificate of knowledge in Travel Health ถือว่าผู้นั้นได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติว่ามีความรู้ระดับมาตรฐานที่จำเป็นต่อเวชปฏิบัติด้านเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว (Standard level) แต่ไม่ได้วัดความรู้ในระดับสูงกว่านั้น และไม่ได้บอกว่ามีความชำนาญหรือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Travel Medicine
  • สำหรับในประเทศไทย ผู้ที่จะใช้คำว่าผู้เชี่ยวชาญ(Specialist) หรือมีความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในแขนงเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว คือผู้ที่ได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติในแขนงดังกล่าวจากแพทยสภาเท่านั้น
  • สำหรับผู้สนใจจะสมัครสอบ CTH ควรเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ และติดตามกำหนดการและความคืบหน้าในการสอบจาก website ของ International Society of Travel Medicine (www.istm.org) และการสอบแต่ละครั้งจะมีการจำกัดจำนวนผู้เข้าสอบ ดังนั้นควรรีบสมัครตั้งแต่เนิ่นๆ

Leave a Comment:

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Post comment