Thai Travel Clinic

Hospital for Tropical Diseases
Faculty of Tropical Medicine, Mahidol University

Main Menu

มี 101 ผู้มาเยือน และ สมาชิกหนึ่งคน ออนไลน์

📣ในระหว่างวันที่ 7-16 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่ประจำคลินิกจะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมวิชาการ ณ ต่างประเทศ

ซึ่งอาจส่งผลให้การให้บริการล่าช้ากว่าปกติ ขอแนะนำให้ท่านทำการนัดหมายล่วงหน้าเพื่อความสะดวกในการรับบริการ

 โรคพยาธิตัวจี๊ด

 

เรียบเรียงโดย      ผู้ช่วยศาสตราจารย์พารณ  ดีคำย้อย                                            
                     รองศาสตราจารย์พิเศษวรรณา   ไมพานิช                                            
                     รองศาสตราจารย์ชูเกียรติ  ศิริวิชยกุล                                           
                     รองศาสตราจารย์วิชิต   โรจน์กิตติคุณ             
จัดทำโดย          คณะกรรมการแผ่นพับเพื่อการประชาสัมพันธ์   คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล

 

Gnathostomiasis1

สาเหตุของโรค
                 โรคพยาธิตัวจี๊ดมีสาเหตุมาจากพยาธิตัวกลมที่ชื่อเรียกว่า พยาธิตัวจี๊ด  และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า แนธโธสโตมา สไปนิจิรัม ( Gnathostoma spinigerun )

พยาธิมีรูปร่างลักษณะอย่างไร
                 ตัวเต็มวัยของพยาธิทั้งตัวผู้และตังเมียยาวประมาณ 1.5 -3.0  ซม. มีลักษณะลำตัวกลมยาว หัวคล้ายลูกฟักทอง ทั้งหัวและตัวของพยาธิพวกนี้จะมีหนาม ตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิมีลักษณะคล้ายพยาธิตัวเต็มวัย แต่มีหนามน้อยกว่าและมีขนาดเล็กมาก มักจะพบขดตัวอยู่ในถุงหุ้มซึ่งฝังตัวอยู่ในเนื้อของสัตว์พาหะ  ส่วนพยาธิที่พบในคนจะเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ และมีขนาดยาวประมาณ 0.4 – 0.9 ซม.

แหล่งระบาดของพยาธิและโรค
                 ในประเทศไทยมีสัตว์ประมาณ 48 ชนิดที่ตรวจพบว่ามีตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิตัวจี๊ดอยู่ ได้แก ปลาน้ำจืด เช่น ปลาไหล ปลาช่อน ปลาดุก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เช่น กบ สัตว์เลื้อยคลาน เช่น งู ตะกวาด สัตว์ปีก เช่น นกกินปลาชนิดต่าง ๆ รวมทั้งเป็ดและไก่  สัตว์ฟันแทะ เช่น หนูพุก หนูท้องขาว กระแต ส่วนสัตว์ที่เป็นรังโรคพยาธิตัวจี๊ดมีหลายชนิด เช่น สุนัข แมว เสือ
จากการสำรวจปลาไหลในเขตภาคกลางของประเทศไทย พบว่ามีการแพร่กระจายของพยาธิตัวจี๊ดในหลายจังหวัด เช่น นครนายก ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ราชบุรี สระบุรี ลพบุรี เป็นต้น  อาหารที่ปรุงแบบสุก ๆ ดิบ ๆ หรืออาหารหมักที่ทำจากปลาน้ำจืด เช่น ส้มฟัก ปลาร้า ปลาเจ่า หรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ อาจพบว่ามีตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิตัวจี๊ดอยู่เช่นกัน.

gnathostomiasis2



วงจรชีวิต
                  ตัวเต็มวัยของพยาธิตัวจี๊ดทั้งตัวผู้และตัวเมีย  อาศัยอยู่ในผนังกระเพาะอาหารของสุนัขและแมว  หลังจากพยาธิผสมพันธุ์แล้ว พยาธิตัวเมียจะออกไข่ซึ่งจะปนออกมากับอุจจาระของสัตว์เหล่านี้ เมื่อไข่ลงน้ำจะฟักตัวออกมาเป็นตัวอ่อนระยะที่ 1  เมื่อตัวกุ้งไร ( Cyclops ) กินตัวอ่อนระยะนี้ จะเจริญไปเป็นตัวอ่อนระยะที่ 2 และระยะที่3 ขั้นเริ่มต้น  เมื่อปลากินกุ้งไรที่ตัวอ่อนระยะนี้  พยาธิจะเจริญไปเป็นตัวอ่อนระยะที่ 3  ขั้นสุดท้ายซึ่งเป็นระยะติดต่อ  ถ้าสุนัขหรือแมวกินปลานี้เข้าไป พยาธิก็จะเจริญเป็นตัวเมียเต็มวัยในผนังกระเพาะอาหาร  แต่ถ้าคนกินปลาซึ่งมีพยาธิระยะติดต่อเข้าไป พยาธิก็จะคืบคลานหรือไชไปตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ยังไม่มีรายงานว่าพบพยาธินี้เจริญเป็นตัวตัวเต็มวัยจนสามารถออกไข่ได้ในคน.

gnathostomiasis3


การติดต่อ
                   โรคที่เกิดจากพยาธิตัวจี๊ด  สามารถเป็นได้ในคนทุกเพศทุกวัย โดยการกินตัวอ่อนระยะติดต่อที่ปะปนอยู่ในเนื้อสัตว์  โดยเฉพาะปลาน้ำจืดที่ปรุงไม่สุก หรืออาจติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์โดยไชผ่านทางรก  นอกจากนี้พยาธิยังสามารถไชเข้าทางผิวหนัง โดยเฉพาในคนบางกลุ่มที่ใช้เนื้อสัตว์สด ๆ เช่น กบ ปลา มาพอกแผลเพื่อให้หายเร็วขึ้น.

อาการ
                    อาการที่พบบ่อยที่สุดคือ  อาการที่เกิดจากพยาธิไชอยู่ใต้ผิวหนัง  ตามลำตัว แขน ขา และบริเวณใบหน้า ทำให้บวม  แดงบริเวณนั้นหรือเห็นเป็นรอยทางแดง ๆ ตามแนวที่พยาธิไชผ่าน  อาการบวมแดงนี้  จะเป็นอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ แล้วจะหายไปเองแม้ไม่ได้รับการรักษา หลังจากนั้นอาจจะบวมขึ้นมาใหม่ในบริเวณอื่นใกล้ ๆ กัน แถบเดียวกัน  บางครั้งทำให้เกิดเป็นก้อนคล้ายเนื้องอกตามอวัยวะต่าง ๆ นอกจากที่ผิวหนังแล้ว  พยาธิอาจไชไปอวัยวะที่สำคัญอื่น ๆ เช่น ตา ปอด กระเพาะปัสสาวะ โดยเฉพาะถ้าไปที่สมองจะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง  คลื่นไส้  อาเจียน คอแข็ง ปวดตามเส้นประสาท

การวินิจฉัย
                    การจะบอกว่าเป็นโรคพยาธิตัวจี๊ดแน่นอน  ต้องตรวจพบตัวพยาธิ  ซึ่งอาจจะไชออกมาทางผิวหนังเอง  แต่โดยทั่วไปมักไม่พบพยาธิแม้จะผ่าเข้าไปข้างในบริเวณที่บวม  ดังนั้นการที่จะบิกว่าเป็นโรคนี้  จึงมักดูจากอาการของโรคว่ามีอาการเจ็บ ปวด บวม เคลื่อนที่ได้ และพฤติกรรมการรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ หรือไม่  และเจาะเลือดหรือน้ำไขสันหลังเพื่อตรวจด้วยวิธีทางอิมมิวโนวินิจฉัย

การรักษา
                   ควรพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยันว่าเป็นพยาธิตัวจี๊ดจริง และพิจารณาให้ใช้ยารักษาพยาธิที่เหมาะสม