เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Novel Coronavirus 2019 : ตระหนักแต่ไม่ตื่นตระหนก #3

สถานการณ์ของโรค Novel Coronavirus 2019 (2019-nCoV) มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วครับ มีการข้อมูลใหม่ๆ update ตลอดเวลา จำนวนผู้ติดเชื้อเองก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในปัจจุบัน (31 มกราคม 2563) พบผู้ป่วยทั่วโลกแล้วกว่า 9,000 คน และได้พบผู้ติดเชื้อกระจายไปมากกว่า 20 ประเทศ และในประเทศไทยเราเองพบผู้ติดเชื้อแล้ว 19 ราย   เราลองมาดูกันดีกว่าว่าเรารู้อะไรเพิ่มบ้าง และมีคำถามอะไรที่ยังต้องหาคำตอบกันต่อ   

1. ทำไมเชื้อ 2019-nCoV แพร่กระจายได้เร็วขนาดนี้ 

จริงๆนักวิทยาศาสตร์การแพทย์และนักระบาดวิทยาไม่ค่อยแปลกใจมากนัก เนื่องจากลักษณะโดยธรรมชาติของ Coronavirus เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจอยู่แล้ว ดังนั้นการแพร่กระจายจะเหมือนไข้หวัดใหญ่ นั่นคือติดจากละอองฝอย ไอจามรดกัน ทำให้เชื้อแพร่จากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งได้ง่าย เหมือนเชื้อหวัดทั่วๆไป 

และยิ่งในปัจจุบันมีการเดินทางข้ามประเทศกันอย่างรวดเร็ว และมีนักเดินทางเป็นจำนวนมาก ก็ไม่แปลกที่หลายประเทศจะพบผู้ติดเชื้อที่มาจากประเทศจีนที่เป็นพื้นที่ระบาด และบางประเทศเริ่มมีการพบผู้ป่วยที่ไม่ได้เดินทางไปประเทศจีนมาก่อน นั่นคือมีการติดต่อระหว่างคนสู่คนในประเทศนั้นๆ และในประเทศไทยเองวันนี้ก็เพิ่งมีรายงานพบคนขับรถแท๊กซี่ติดเชื้อ 2019-nCoV โดยเชื่อว่าน่าจะติดจากผู้โดยสารชาวจีน ซึ่งการติดเชื้อจากคนสู่คนนอกประเทศจีนคล้ายๆแบบนี้ มีรายงานอีกหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเยอรมัน 

2. การปิดเมืองอู่ฮั่น รวมถึงการห้ามนักท่องเที่ยวจีนออกนอกประเทศ แม้ว่าจะทำขนาดนี้ ทำไมยังควบคุมการระบาดให้อยู่ในวงจำกัดไม่ได้

จริงๆก็ต้องนับว่าทางการจีนเลือกใช้วิธีที่แรง โดยการปิดเมือง และห้ามการเดินทางเลย แต่เนื่องจากเชื้อนี้แพร่จากคนสู่คนได้ง่าย และประเทศจีนมีการคมนาคมที่ดี มีรถไฟ ถนน และมีเครื่องบินเชื่อมเป็นเครือข่าย ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยาก หรือเป็นไม่ได้เลยที่จะควบคุมการระบาดให้อยู่กับที่ โดยเฉพาะเมื่อได้รับการติดเชื้อแล้ว คนไข้จะไม่แสดงอาการทันที ทำให้สามารถเดินทางไปที่ต่างๆได้ก่อนมีการปิดเมือง และเมื่อถึงพื้นที่ปลายทาง ในต่างเมือง ต่างมณฑล หรือแม้แต่ต่างประเทศค่อยมีอาการ ทำให้การระบาดไปได้อย่างกว้างขวาง 

3. มาตราการป้องกันโรคของประเทศไทย มีประสิทธิภาพดีแค่ไหน

แม้ว่าจะดูเหมือนประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันพบถึง 19 ราย แต่มองอีกแง่หนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ เพราะมีคนจีนเดินทางมาประเทศเป็นจำนวนมาก และเรามีจุดคัดกรองที่สนามบิน และโรงพยาบาลต่างๆ เมื่อพบผู้ป่วยต้องสงสัย ก็มีการรายงาน สอบสวนโรคทำให้เราพบผู้ติดเชื้อได้มาก และเร็ว นั่นแสดงว่าระบบการเฝ้าระวังโรคของเราทำได้ดี  และแม้ว่าเราอาจจะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีกก็ไม่ควรตื่นตระหนก เพราะโรคนี้แพร่ได้ง่าย  ณ.ตอนนี้ในภาพรวมต้องถือว่า ระบบการป้องกันและควบคุมโรคของเราทำได้ดี ทำให้ไม่มีการระบาดเป็นวงกว้างในประเทศไทย  อย่างไรก็ตามเราต้องช่วยๆกัน และต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และไม่ประมาท 

4. ตอนนี้คนไทยควรปฎิบัติตัวอย่างไร เพื่อป้องกันโรค

อย่างแรกเลยครับ ต้องมีสติ ติดตามข่าวสารการระบาดได้ แต่ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป และใช้วิจารณญานในการรับข้อมูลข่าวสาร เพราะในสถานการณ์เช่นนี้มีข่าวที่ไม่เป็นความจริงอยู่มาก จนทำให้เกิดความตื่นตระหนกไปทั่ว และไม่ควรแชร์ข่าวต่างๆ จนกว่าจะแน่ใจว่าเป็นข่าวที่ถูกต้อง 

สำหรับการป้องกันโรคส่วนบุคคล ทำได้ง่ายๆครับ โดยการหมั่นล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ถูมือเพื่อฆ่าเชื้อโรค ใช้หน้ากากอนามัยโดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางไปในที่ชุมนุมชน หลีกเลี่ยงใช้มือที่ไม่สะอาดสัมผัสกับใบหน้าจมูกปาก เพราะจะเป็นทางเข้าของเชื้อโรคได้  หากมีอาการไอหรือจามควรปิดปากและจมูกให้ดี  กินอาหารควรใช้ช้อนกลางทุกครั้ง  หรือจำคำขวัญง่ายๆของกรมควบคุมโรคที่ใช้ได้ตลอดคือ กินร้อน-ช้อนกลาง-ล้างมือ ก็ช่วยได้มากครับ ในผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่างๆต้องเข้มงวดกับเรื่องที่กล่าวมาแล้ว และหลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่ชุมชน ที่มีคนเบียดเสียดแออัดมาก

แต่อีกอย่างที่สำคัญครับ คืออย่ากังวลจนเกินไป บางคนเห็นคนจีนเดินมาเป็นกลุ่มแล้วเดินหนีเลย หรือแสดงท่าทีรังเกียจคนจีน จริงๆเรื่องพวกนี้ไม่ควรทำครับ ไม่ได้แปลว่าคนจีนที่เราเห็นจะเป็นโรคเสมอไป เขาอาจอยู่เมืองไทยมานานแล้ว เกิน 14 วัน ก็ไม่เข้าข่าย หรือแม้ว่าเขาจะมาจากเมืองจีนก็ไม่ได้แปลว่าเขาติดโรคมาแล้ว แค่ระมัดระวังสุขอนามัยส่วนบุคคลก็พอครับ 

ลองดูวิธีสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง ตาม clip ด้านล่างครับ

5. ถ้ากลัวเป็นโรคนี้ เมื่อไรเราควรไปหาหมอ 

ณ.สถานการณ์ปัจจุบัน ถ้าเราไม่ได้ไปประเทศจีนมา โอกาสที่เราจะติดเชื้อในประเทศไทยตามที่สาธารณะมีน้อยมากครับ ไม่ควรกังวล บางคนมีน้ำมูก ไอนิดหน่อยก็ตกใจ panic กลัวเป็นโรคนี้ เลยรีบมาหาหมอ คนกลุ่มนี้ก็มีไม่น้อย แต่ใจเย็นๆครับ อาการน้ำมูกไหล ไอ จาม มีไข้ เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเป็นไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ หรือคออักเสบธรรมดาก็ได้ โอกาสที่จะเป็น Novel Coronavirus เป็นไปได้น้อยมาก โดยเฉพาะถ้าไม่เคยไปเมืองจีนเลย แต่ถ้ามีอาการมาก เช่นไข้สูง ไอมาก หอบเหนื่อย หรือไม่แน่ใจ ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลครับ 

6. ช่วงนี้หากมีความจำเป็นต้องเดินทางไปยังประเทศจีนในขณะนี้ สามารถทำได้หรือไม่

ในขณะนี้ไม่มีการจำกัดการเดินทางผ่านเข้าออกประเทศจีน อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ที่มีการระบาดเป็นวงกว้าง หลายๆองค์กร รวมทั้งกรมควบคุมโรคของประเทศไทยแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็นไปก่อนดีกว่า   

7. การระบาดในรอบนี้จะจบอย่างไร 

ณ.ตอนนี้ยังคาดเดาได้ยากครับ เรายังต้องมีมาตราการและช่วยกันป้องกันโรคให้เต็มที่ ถ้าโชคดี เราจะสามารถควบคุมการระบาดได้ เราอาจพบผู้ติดเชื้ออยู่ แต่ไม่มีการระบาดเป็นวงกว้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี 

แต่มีความเป็นไปได้อีกกรณีหนึ่ง เนื่องจากจำนวนคนไข้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และลักษณะของเชื้อที่สามารถแพร่ได้ง่าย  ทำให้มีความเป็นไปได้ที่เชื้อนี้จะแพร่ต่อไปในชุมชนและกลายเป็นเชื้อประจำถิ่นไป คล้ายๆกับตอนปี 2009 ที่เราเคยมีไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ระบาด ถ้าใครจำได้ในตอนนั้นเราพบไข้หวัด 2009 ที่ประเทศเม็กซิโกก่อน และต่อมาแพร่ไปหลายประเทศ รวมทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศจีน ประเทศไทยด้วย และจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากหลัก 100 เป็นหลักพันหลักหมื่น จนในที่สุดไม่มีการนับจำนวนอีกต่อไป เพราะไม่จำเป็นแล้ว เพราะทุกคนสามารถติดเชื้อได้ เหมือนทุกคนเป็นหวัดได้ โชคดีที่ตอนนั้นแม้ว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 จะแพร่ไปทั้งโลก แต่โรคมีความรุนแรงไม่มากนัก เหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล

จริงๆนักวิทยาศาสตร์ และแพทย์หลายท่านยังมองในแง่ดี เพราะวงการแพทย์เจริญก้าวหน้ามาก เราถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสได้ในเวลาไม่นาน โอกาสที่เราจะค้นพบยาใหม่ หรือค้นพบวัคซีนที่ป้องกันโรคได้ในเวลาไม่นาน ถ้าเรามีข่าวดีดังกล่าวจะช่วยสถานการณ์ได้มาก  เราคงต้องติดตามกันต่อไปครับว่าการระบาดรอบนี้ของ Novel Coronavirus จะเป็นอย่างไร  แต่ยังไม่ต้องตื่นตระหนกจนเกินไปครับ มีสติ และดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัวให้แข็งแรงอยู่เสมอ เราจะผ่านเรื่องนี้ไปพร้อมๆกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศจีน ควรสังเกตอาการ ถ้ามีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก หายใจหอบเหนื่อย ภายใน 14 วันควรไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทางเสมอ
  • ควรติดตามข่าวสารการระบาดของโรคอยู่เป็นระยะ โดยติดตามได้ที่ website ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข หรือที่ US CDC Travel Notice

Leave a Reply

You can use these HTML tags

<a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>